บัญชีภาษีอากร และ
บัญชีการเงิน แตกต่างกันอย่างไร
ในการจัดทำบัญชีของธุรกิจนอก
จากจะต้องมีความรู้ด้านบัญชีไม่ว่าจะเป็นหลักการบัญชีทั่วไป มาตรฐานการบัญชี แล้ว นักบัญชีและผู้บริหารกิจการจะต้องมีความรู้ด้านภาษีอากรอีกด้วย
ดังนั้นการจัดทำงานเกี่ยวกับ
บัญชีจะต้องมีแนวทาง ที่จะกำหนดในการจัดทำเพราะต้องคำนึงถึงทั้งหลักการบัญชีและ
กฎหมายภาษีอากร ซึ่งมีอยู่บ่อยครั้งมักจะพบว่า บัญชีที่
ได้จัดทำนั้นไม่ตอบสนองกับหลักเกณฑ์ทางกฎหมายภาษีอากร
มีข้อขัดแย้งกับที่นักบัญชีจะต้องเข้าไปแก้ไขปรับปรุงให้เป็น
ที่ยอมรับและถูกต้องทั้งด้านการบัญชีและกฎหมายภาษี อากร
จะเห็นได้ว่าหากนักบัญชีได้มีการจัดทำบัญชีตั้งแต่สมุดรายวันขั้นต้น สมุดขั้นปลาย
งบทดลอง งบการเงิน นักบัญชีจะยึดหลักการบัญชีและมาตรฐานการบัญชี
อีกนัยหนึ่งก็คือยึดหลักของบัญชีการเงิน(Financial Accounting) นักบัญชีจะต้องนำข้อมูลทางบัญชีการเงินมาปรับปรุงให้สอดคล้องกับกฎหมายภาษี
อากรซึ่งก็คือการบัญชีภาษีอากร (Tax Accounting) ข้อแตกต่างระหว่างบัญชีการเงินกับบัญชีภาษีอากรจึงสรุปได้ดังต่อไปนี้
บัญชีภาษีอากร (Tax Accounting)
เป็นการนำหลักเกณฑ์ทางบัญชี
มาตรฐานการบัญชี มาปรับให้เข้ากับประมวลรัษฎากรและกฎหมายภาษีอากรต่างๆ
ให้สอดคล้องกันเพื่อให้ถูกต้องตามหลักการบัญชีและกฎหมายภาษีอากรไม่ว่าจะ
เป็นเรื่องการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิ เงื่อนไขการรับรู้รายได้และรายจ่ายของกิจการ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้- นิติบุคคล
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย หรืออากรแสตมป์ สืบเนื่องมาจากหลักการบัญชี
หลายประการที่ขัดแย้งไม่เป็นไปตาม กฎหมายภาษีอากรนั่นเอง
มักจะพบเห็นกันเมื่อมีการจัดทำบัญชีของธุรกิจในแต่ละรายการค้าแต่ละงวดบัญชี มักจะ
ปรากฏอยู่เสมอว่า หลักในการจัดทำบัญชีไม่เป็นไปตามกฎหมายภาษีอากร
ซึ่งผู้จัดทำบัญชีจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไข
รายการค้าที่เกิดขึ้นให้เป็นไปตามเงื่อนไขทางภาษีอากรที่ได้กำหนดเอาไว้
นักบัญชีส่วนใหญ่มีความรู้ความ
เข้าใจในการจัดทำบัญชีการเงิน แต่ขาดความเข้าใจในตัวบทกฎหมายภาษีอากร
โดยเฉพาะการนำกฎหมายภาษีอากรมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากันกับหลักการบัญชี
โดยมากแล้วนักบัญชีมักจะทราบแต่ พื้นฐานเบื้องต้นในการคำนวณหรือชำระภาษีอากร เช่น
อัตราร้อยละของภาษีที่ต้องชำระ ต้องหักและนำส่งเท่านั้น
บัญชีการเงิน (Financial Accounting)
บัญชีการเงิน (Financial Accounting)
เป็นการจัดทำบัญชีเพื่อบันทึก
รายการค้าที่เกิดขึ้นในแต่ละงวดบัญชี ตลอดจนการแสดงฐานะการเงินของกิจการ
ในการจัดทำงบการเงิน แสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน
และผลการดำเนินงานของกิจการเพื่อรายงานต่อผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น บุคคลภายนอก และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าจะเป็นงบกำไรขาดทุน งบต้นทุนผลิต งบดุล งบกระแสเงินสด
งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น
งบประกอบอื่นและหมายเหตุประกอบงบการเงินของกิจการ
และรายละเอียดประกอบการจัดทำรายงานทางการเงินที่เกี่ยวข้อง
สรุปวัตถุประสงค์ของข้อแตก
ต่างระหว่างบัญชีการเงินและบัญชีภาษีอากรได้ดังนี้
บัญชีภาษีอากร
1. ปรับหลักการบัญชีให้เข้ากับกฎหมายภาษีอากร
2. หาข้อยุติทางบัญชีและภาษีอากรให้สอดคล้องกัน
3. ปรับปรุงการบันทึกบัญชีให้เหมาะสมถูกต้องตาม กฎหมายภาษีอากร
4. จัดทำบัญชีที่กฎหมายภาษีอากรกำหนดให้ทำ เช่น บัญชีพิเศษแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่าย
และการนำส่งภาษีรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม
5. ปรับปรุงรายรับทางบัญชีให้ตรงกับภาษีอากร
2. หาข้อยุติทางบัญชีและภาษีอากรให้สอดคล้องกัน
3. ปรับปรุงการบันทึกบัญชีให้เหมาะสมถูกต้องตาม กฎหมายภาษีอากร
4. จัดทำบัญชีที่กฎหมายภาษีอากรกำหนดให้ทำ เช่น บัญชีพิเศษแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่าย
และการนำส่งภาษีรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม
5. ปรับปรุงรายรับทางบัญชีให้ตรงกับภาษีอากร
บัญชีการเงิน
1. ช่วยในด้านการควบคุมรายรับ
? รายจ่ายสินทรัพย์ - หนี้สินและส่วนของเจ้าของ
2. ช่วยในการบริหารงานของกิจการ
3. ช่วยในการตัดสินใจในการดำเนินงานขยาย ? เลิกกิจการ ฯลฯ
4. เพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกโดยเฉพาะผู้ถือ หุ้นที่ต้องการข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ
5. หลักฐานพิสูจน์ความถูกต้องในการจัดทำบัญชี การรวบรวมข้อมูลทางบัญชีการเงิน
2. ช่วยในการบริหารงานของกิจการ
3. ช่วยในการตัดสินใจในการดำเนินงานขยาย ? เลิกกิจการ ฯลฯ
4. เพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกโดยเฉพาะผู้ถือ หุ้นที่ต้องการข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ
5. หลักฐานพิสูจน์ความถูกต้องในการจัดทำบัญชี การรวบรวมข้อมูลทางบัญชีการเงิน